เล่าความเฮี้ยน 2 วิญญาณ ขุนโจรเมืองพัทลุง
เล่าความเฮี้ยน 2 วิญญาณ ขุนโจรเมืองพัทลุง ดิฉันเป็นคน อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เคยเรียนที่โรงเรียนควนขนุน ของ อ.ควนขนุน ซึ่งเป็นอำเภอติดกัน ถึงจะจบการศึกษาชั้น ม.ต้น แล้วไม่ได้ต่อ ม.ปลาย ที่นั่น เพราะสอบได้โรงเรียนใหญ่ในตัว อ.เมือง ก็ตาม แต่ก็ยังมีเพื่อนเป็นคนควนขนุนอยู่หลายคน ที่ปัจจุบันยังได้นัดเจอไปมาหาสู่กันอยู่ ชอบไปนั่งกินอาหารที่ ร้านหลานตาชู และชอบไปนั่งเรือ ดูนกชมปลาที่ทะเลน้อย
เพื่อความเข้าใจ เราอยากจะบอกว่า โรงเรียนบ้านควนขนุน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลควนขนุน สอนปฐมวัย-อนุบาล 1- ม.3 โรงเรียนควนขนุน จะอยู่ติดถนนเอเชีย สอน ม.1-ม.6 ดังนั้น 2 โรงเรียนนี้คนละโรงเรียนกัน และเรื่องนี้เกิดที่ โรงเรียนบ้านควนขนุน ฉะนั้น อย่าสับสนนะคะ
ล่าสุด ดิฉันนัดเจอกับเพื่อนคนนึง ที่เป็นสาวชาวควนขนุน บ้านอยู่ในเขตเทศบาล อาศัยว่า เป็นเพื่อนสนิทกันสมัย ม.ต้น ถึงจะแยกย้ายกันไปตามทาง แต่ก็ยังสนิทอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังสนิทพอที่จะไปนอนบ้านเพื่อนคนนี้ได้ พอไปนอนไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนนี้ เราจะชอบขับรถไปตรงนั้นตรงนี้ในเขตเทศบาลควนขนุน
สำหรับดิฉันคิดว่า อ.ควนขนุน เป็นอำเภอที่น่าอยู่ และมีประวัติที่น่าสนใจเหมือนกันนะ หากมีใครสนใจจะสืบค้น เพราะสถานที่ดัง ๆ หลายที่ อาทิ วัดเขาอ้อ ทะเลน้อย วันดอนศาลา ก็อยู่ที่อำเภอนี้
นอกจากนี้ หากย้อนรวมไปถึงอดีตแล้ว ควนขนุน ขึ้นชื่อมากในเรื่องของ ชุมโจร และโจรผู้โด่งดัง และตัวอำเภอควนขนุนเอง ก็เป็นสถานที่จบชีวิตของขุนโจรชื่อดังทั้ง 2 คน คือ รุ่งดอนทราย และดำหัวแพร
เล่าความเฮี้ยน 2 วิญญาณ ขุนโจรเมืองพัทลุง
2 ขุนโจรนี้ คนพัทลุงในย่านนี้ หากสูงอายุสักหน่อย ไม่ค่อยมีใครไม่รู้จัก 2 ขุนโจรผู้โหดเหี้ยม และมีสัจจะ โดยเฉพาะ ดำหัวแพร มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดมีอนุสาวรีย์ จนเคยมีกระแสด่าคนพัทลุงว่า เป็นเมืองแห่งโจร
ถ้าหากใครอยากอ่านประวัติของ 2 ขุนโจรนี้ ว่าทำไมถึงโด่งดังมากในยุคนั้น แม้ปัจจุบันก็ยังมีการกล่าวถึง ก็ให้เอาชื่อของ 2คนนี้ ไปค้นหาใน Google ค่ะ
หลาย ๆ คนอาจจะทราบว่า รุ่งดอนทราย เป็นหัวหน้า ตายก่อน และถูกทางการนำศพไปแขวนติดไว้กับต้นตาล เพื่อเป็นการประจานไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง ที่วัดสุวรรณวิชัย และดำหัวแพร ก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน เมื่อโดนปราบได้ และเสียชีวิตลง แต่หลาย ๆ คนอาจไม่ทราบว่า สถานที่ที่เคยใช้ผูกศพประจานของ 2 โจรนั้น มันไม่ใช่บริเวณที่เป็น วัดสุวรรณวิชัย ที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน
หากแต่วัดสุวรรณวิชัยเดิมนั้น ชื่อ วัดกุฏ และมีการย้ายสถานที่ตั้งจากเดิม ไปอยู่ใกล้ ๆ คลอง ที่เป็นที่ตั้งในปัจจุบัน และที่ดินที่เป็นวัดกุฏแต่เดิม ปัจจุบันกลายมาเป็น โรงเรียนบ้านควนขนุน และโรงพยาบาลควนขนุน
เพื่อนของดิฉันเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนทวดของเธอยังอยู่ ทวดของเธอเล่าให้เธอฟัง เพราะไม่อยากให้เธอไปอยู่ในโรงเรียนบ้านควนขนุนจนค่ำมืด นางบอกว่า เมื่อปี พ.ศ.2545 – 2547 ยุคนั้น เด็ก ๆ จะชอบไปรวมตัวกัน ที่สนามโรงเรียนบ้านควนขนุน เพื่อแตะบอล เต้นแอโรบิค และจีบกัน ตอนนั้นเพื่อนของดิฉัน นางก็ยังเรียนชั้นประถมเอง
แต่เริ่มมีความดี๊ด๊า เวลาได้เจอหน้าพวกหนุ่มน้อยที่มาหยอกมาแซว ทวดของเพื่อนดิฉันเล่าว่า ตอนนั้นวัดสุวรรณ ตั้งอยู่ตรงสถานที่ ที่เป็นโรงเรียนบ้านควนขนุน และโรงพยาบาลควนขนุนในตอนนี้
พอทางการจัดการปราบ รุ่งดอนทราย หัวหน้าชุมโจรชื่อดังได้ และหลังจากนั้นก็เป็นศพ ของดำหัวแพร ก็เอาศพมามัดติดกับต้นตาลประจานให้คนดู
ตอนนั้นทวดของเพื่อนดิฉันก็ยังวัยรุ่น ๆ พอมีข่าวว่า ทางการปราบขุนโจรลงได้ และศพมาอยู่ที่วัด ทวดก็ไปดู ศพของทั้ง 2 โจรโดนผูกประจานอยู่ จนน้ำเหลืองไหลนอง สภาพชวนอุจาดตาจนสาแก่ใจแล้ว ก็ทำการเผาบนกองฟอน หลังจาก 2 โจรตาย และโดนเผาทิ้งไปแล้ว
วิญญาณของ 2 โจรก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ในวัด (เดิม) อาจจะเพราะความแค้น หรือผูกพัน หรือเพราะเวรกรรมทำให้ไปไหนไม่ได้ ทวดบอกว่า มีคนเดินผ่านแถวนั้นตอนกลางคืนเจอผี 2 โจรมายืนถือพร้าขวางทาง ตอนแรกก็คิดว่า โจรดักปล้น เพราะตอนนั้นโจรเยอะมาก
แต่เห็นว่า ผู้ที่มายืนขวางทางยามวิกาล มีแค่ 2 พวกตนมีกันมากกว่า ก็ชักอาวุธพร้อมสู้ คนหนึ่งในกลุ่ม ก็ชูตะเกียงขึ้นเหนือหัว พร้อมกับโชว์มีดพร้า ชี้ไปทาง 2 เงาที่ขวางทาง ประกาศว่า

“พวกมืงอิปล้นกู เห้อ โหม่สูมาแค่ 2 เอาต่ะ โหม่เรามี 5 คน เข้ามาลองแล”
2 เงาที่ว่า ก็ยังยืนนิ่ง ฝ่ายคนเดินทางทั้งกลุ่มก็ยืนดูเชิง ไม่กล้าเดินเข้าใกล้ ตะโกนใส่ไปเท่าใด มันก็ไม่ตอบ จนกลุ่มคนเดินทาง กระสับกระส่าย ว่าชะรอยจะเป็นกลลวง เผลอ ๆ อาจมีโจรอื่น ๆ แอบซุ่มอยู่ก็ไม่รู้
แต่แถวนี้ก็เขตวัด ถ้ามีฟันมียิงกันก็อาจจะพอวิ่งหลบเข้าวัดได้อยู่ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ จนหัวหน้าตัดสินใจว่า เอาวะ เดินเข้าไปใกล้ ๆ มันพร้อม ๆ กันดู ถ้ามันปล้น สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็หนีเอาตัวรอด
ทวดว่า พอกลุ่มคนนั้น ค่อย ๆ เดินเตรียมท่าพร้อมเข้าหา 2 เงา เมื่อแสงไฟกระทบร่าง แกก็ว่า เป็นร่างผุ ๆ พอง ๆ น้ำเหลืองนองตัว ถือพร้าลืมงอเป็นเอกลักษณ์ สภาพที่เห็นคือ เหมือนสภาพศพของ 2 โจรตอนโดนมัดประจานชัด ๆ เลย พอเห็นถนัดตา กลุ่มคนเดินทาง ก็ร้องโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ผีหลอก ๆ วิ่งหนีกันตัวปลิว ผ้าผ่อนหลุด เพราะโดนหนามเกี่ยว
เรื่องมีคนโดนผี 2 โจรหลอก ที่วัดสุวรรณวิชัย (เดิม) ทำเอาคนไม่กล้าเดินทางผ่านวัด พระเณรท่านก็อยู่ลำบากกัน ว่า โดน 2 ผีขุนโจรกวนทุกคืน
ไม่มีคนกล้าผ่านมาให้หลอก ก็เที่ยวหลอกพระหลอกเณร มาเดินถือพร้า ตัวโย่ง ๆ เท่าต้นไม้ หมาหอนรับกันเกรียวกราวยามดึก ท่านว่า ออกมาหลอกอยู่แบบนั้น ตลอดจนคนกลัววัด
ท่านว่า เจอมาตลอด ขนาดยามเย็นไม่ทันมืดดี มันก็ออกมาหลอกถ้า มันอยากจะหลอก จนวัดย้ายจากที่เดิม ลงไปอยู่ใกล้คลอง เพื่อให้พระเณรตักน้ำใช้ได้สะดวก ที่ตั้งวัดสุวรรณเดิมก็กลายมาเป็น โรงเรียนบ้านควนขนุน และโรงพยาบาลในปัจจุบัน
โดยเฉพาะที่โรงจอดรถของโรงเรียนบ้านควนขนุนนั้น ช่างก่อสร้าง ขุดหลุมจะมาลงเสาโรงจอดรถ ขุด ๆ เจอกระดูกคนเต็ม ๆ จนคนขุดกระเจิง เพราะตกใจ ต้องทำพิธีขอขมา แล้วก็เอาผ้าแพร พวงมาลัยผูกเสาโรงจอดรถไว้ แต่ตอนนี้รู้สึกจะไม่มีแล้ว
ปัจจุบัน 2 ผีขุนโจร คงจะไปตามทางของตัวเองแล้ว เพราะเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน และวัดที่โดนเอามาประจาน ก็กลายมาเป็นโรงพยาบาล และโรงเรียนไปแล้ว แต่เพื่อนของดิฉันก็บอกว่า ทวดของเธอบอกว่า จุดที่ศพของ 2 โจรโดนผูกประจานจนน้ำเหลืองนอง สภาพทุเรศทุรังนั้น ปัจจุบันจะอยู่แถว ๆ ต้นมะขาม ใกล้ ๆ แท้งค์เก็บน้ำของโรงเรียน ที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างโรงพยาบาลของโรงเรียน
ทวดของเพื่อนของดิฉันก็เตือนว่า ไปแถว ๆ หลังอาคารนั้นบ่อย ๆ ระวังจะโดนผีหลอกเอา ยิ่งพอทวดเล่าประวัติบริเวณที่ตั้งโรงเรียนให้ฟังด้วยแล้ว เพื่อนดิฉันก็ไม่กล้าไปตรงต้นมะขามหลังอาคารครูโรงเรียนนั้นเลย
ดิฉันก็ไม่ทราบว่า เรื่อง เล่าความเฮี้ยน 2 วิญญาณ ขุนโจรเมืองพัทลุง เป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง แต่มันช่างสยดสยองเหลือเกินตรงที่ ล่าสุดมีชายคนนึงบ้านอยู่ข้างโรงเรียน น้อยใจเมีย แล้วเดินโทง ๆ ไปผูกคอตายกับต้นมะขาม ที่น่าสยองไปกว่านั้นคือ ดำหัวแพร ตอนโดนปราบ ไม่ได้ถูกตำรวจยิงตายค่ะ แต่โดนยิงบาดเจ็บ ไปต่อไม่ไหว ก็เลยชิ่งผูกคอตาย มันช่างบังเอิญเหลือเกิน
ช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาดหนักแบบนี้ เราอยากชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารกินเอง และหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกจะดีกว่าค่ะ วันนี้เราก็มี 6 เมนู ผักโขม อิ่ม อร่อย ได้ประโยชน์เน้น ๆ แต่ละเมนูทำง่าย แถมผักโขมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายสุด ๆ ที่สำคัญหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ใครชอบเมนูไหนก็ลองทำกินได้เลยค่ะ